ค้นหา

ครม.เคาะ 716 ล้าน ประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

กระทรวงพาณิชย์
เข้าชม 298 ครั้ง

ครม.ไฟเขียว 716 ล้านบาท ประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 65/66 และมาตรการคู่ขนานสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้าน รัฐชดเชยดอกเบี้ยให้

วันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2565/2566 วงเงิน 716.10 ล้านบาท และมาตรการคู่ขนาน ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2565/2566 วงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2565/2566 นี้ ยังคงยึดหลักการและเงื่อนไขเดิม โดยประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ณ ความชื้น ร้อยละ 14.5 ในราคา 8.5 บาทต่อกิโลกรัม ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ และไม่ซ้ำแปลง สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรและแจ้งเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 – 31 พฤษภาคม 2566 ส่วนระยะเวลาโครงการ เริ่มตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2565 – 30 เมษายน 2567 และมีระยะเวลาการจ่ายเงิน รวม 12 งวด ตั้งแต่ 20 พฤศจิกายน 2565 – 31 ตุลาคม 2566

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 – มีนาคม 2566 ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีราคาสูง 11 – 12 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าราคาประกัน 8.5 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย 5 งวด ตามช่วงเวลาดังกล่าว

น.ส.รัชดากล่าวว่า โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี 2565/2566 วงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนสินเชื่อแก่กลุ่มสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร

โดยปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 4 ต่อปี ผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี ส่วนที่เหลือร้อยละ 3 ต่อปี รัฐบาลเป็นผู้ชดเชยดอกเบี้ยให้ มีระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 12 เดือน ส่วนระยะเวลาของโครงการ เริ่มตั้งแต่วันที่ ครม. อนุมัติ – 30 มิถุนายน 2567 ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ ตั้งแต่วันที่ ครม. อนุมัติ – 31 พฤษภาคม 2566

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.prachachat.net/economy/news-1231574